tag:blogger.com,1999:blog-51388208861517593582024-02-20T08:42:01.837+07:00เคล็ดลับเรียนดี เรียนเก่ง ความสำเร็จในการเรียนรู้เรียนให้เก่ง สอบให้ได้เกรดดี ด้วยเทคนิควิธีง่าย ๆ เพื่อการเรียนที่มีประสิทธิภาพความรู้เบื้องต้นของคลื่นวิทยุและสายอากาศhttp://www.blogger.com/profile/04961394962833567548noreply@blogger.comBlogger48125tag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-57954083264154502322010-07-05T13:01:00.003+07:002010-07-05T13:13:54.724+07:00แสวงหาความรู้ เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYyTTVIWBD_MJ9KwCUaPnZigAdEGbit5i5eWx4qVn5e_j-bIGOdfhMxMfVpSCXJRe2c-JzjMTv5vxKFx1B4STQ1uhZYHduz9VL8e_k34QzslOw4fX_6fnVakahAitSJsVtr4xoIlf4zMQ/s1600/001.jpeg"><img style="cursor: pointer; width: 300px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYyTTVIWBD_MJ9KwCUaPnZigAdEGbit5i5eWx4qVn5e_j-bIGOdfhMxMfVpSCXJRe2c-JzjMTv5vxKFx1B4STQ1uhZYHduz9VL8e_k34QzslOw4fX_6fnVakahAitSJsVtr4xoIlf4zMQ/s400/001.jpeg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5490299492381466642" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">"การศึกษาไม่มีคำว่าสาย" ข้อความนี้หลายคยคงเคยได้ยินและทราบความหมายกันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะอายุมากแค่ไหนก็สามารถเรียนกันได้ทั้งนั้น บางคนจบปริญญาตรีตอนอายุ 60 ก็ยังมี ซึ่งก็เป็นความภาคภูมิใจส่วนตัว และเกียรติแก่วงศ์ตระกูลต่อไป<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcqbmjCbo_hEKcQpmEyFiKJIVWOPDeY7Md3CoPjwLg3TLHBFhk0YFH395kllG-gDcVvVKZZyI5KSthJSAhgamKDqwqNPjuizE8jf8d2uYtTRZhNJNjIrrJ5-kGYPHHQZH90AD668XQdi0/s1600/001.jpeg"><img style="cursor: pointer; width: 330px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcqbmjCbo_hEKcQpmEyFiKJIVWOPDeY7Md3CoPjwLg3TLHBFhk0YFH395kllG-gDcVvVKZZyI5KSthJSAhgamKDqwqNPjuizE8jf8d2uYtTRZhNJNjIrrJ5-kGYPHHQZH90AD668XQdi0/s400/001.jpeg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5490299602053552866" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">การหาความรู้ ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าสถาับันการศึกษา แต่เราสามารถหาความรู้เพิ่มพูนปัญญาของตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา เพราะหากยิ่งเรารู้มากแค่ไหนประโยชน์ต่าง ๆ ก็จะเกิดกับเรามากขึ้นแค่นั้น<br /><br />คนที่เรียนเก่งมักจะบอกว่าตนไม่ค่อยรู้อะไรมาก และพวกเขาก็จะหาความรู้มาใส่สมองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแหล่งความรู้ ไปทางไหนก็มีให้เก็บเกี่ยวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด อินเตอร์เน็ต นิตยสาร หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ เป็นต้น ความรู้เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นข้อมูลทางวิชาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อาจจะเป็นการพบไอเดียใหม่ ๆ ความบันเทิง ดนตรี เพลง หรืออะไรก็ได้ ที่จะช่วยพัฒนาความรู้และสติปัญญาของเรา<br /><br /><span style="font-style: italic;">การเป็นคนที่ไม่ขาดความรู็จะทำให้เราทันโลก ทันเหตุการณ์และไม่มีทางตกข่าว ส่วนการเรียนของเราก็จะฝึกคิดได้มากขึ้น สามารถนำสิ่งต่าง ๆ มาเรียงร้อยเป็นข้อความใช้ในการตอบข้อสอบได้อีกด้วย</span><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-40106303913206804992010-06-21T14:46:00.005+07:002010-06-21T14:58:16.389+07:00รู้จักการต่อสู้ที่เหมาะสม เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhlWH4X2j0S-ETIrbvTy5HzXzT7HIuAWB9gZg4f0CS_TEvKlD5V0LGzsFd86JdWvjAaV25IrsWAegiQgWtQXFIkFc1IHNmUYA5MJdMGCzqr_xRq_A3M_iKxCPD-nrnIbBw6nDsCAIHm2w/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 291px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjhlWH4X2j0S-ETIrbvTy5HzXzT7HIuAWB9gZg4f0CS_TEvKlD5V0LGzsFd86JdWvjAaV25IrsWAegiQgWtQXFIkFc1IHNmUYA5MJdMGCzqr_xRq_A3M_iKxCPD-nrnIbBw6nDsCAIHm2w/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5485133122107841650" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">เราทราบกันดีอยุ่แล้วว่า การรู้จักวางเป้าหมายให้ตรงกับตัวเองทำให้เรามีแนวทางที่จะก้าวต่อไปในอนาคต แต่ก่อนที่เราจะเดินไปถึงเป้าหมายต่าง ๆ ที่เราวางไว้นั้นเราต้องรู้จักการต่อสู้บ้างเช่นกัน<br /><br />การต่อสู้ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการแข่งกันเรียน เพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่งของระดับชั้น การแข่งขับแบบนี้ทำให้เราเกิดความตึงเครียดและเรียนอย่างไม่มีความสุขเลย การแข่งขันที่ควรจะทำนั้นคือการแข่งขันกับตัวเราเอง<br /><br />การแข่งขันกับตัวเองทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากถ้าเป็นคนตื่นสายต้องบอกตัวเองและทำให้ได้ที่จะตื่นเช้า เพราะตื่นก่อนก็จะได้ทบทวนตำราเรียนมากขึ้น หรือจะเป็นเรื่องของการอ่านหนังสือวันแรกอ่านได้ 10 หน้า วันต่อมาก็เพิ่มจำนวนหน้าไปเรื่อย ๆ ทำสถิติก็เป็นการแข่งขันกับตัวเราเอง จากนั้นก็เป็นการสอบ ผลการเรียนเทอมแรก อาจอยู่ประมาณ 2.60 ในเทอมต่อไปก็ให้มันเพิ่มเป็น 2.70 ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ ไปอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ก็ช่วยให้การแข่งขันในแต่ละครั้งไม่สิ้นหวังมากเกินไป และจะเป็นเหมือนแรงบันดาลใจในการแข่งขันกับสิ่งแวดล้อมภายนอกต่อไป<br /><br />ส่วนการที่จะแข่งขันกับผู้อื่นให้คิดว่าเป็นผลพลอยได้จากการแข่งขันกับตัวเองเท่านั้นพอ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการแข่งขันคือ การที่ไม่ย่ำหรือทับถมคนอื่นที่อาจเรียนด้อยกว่าเรา เพราะการทำเช่นนั้นไม่ว่าเราจะเก่งสักเพียงใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ไม่น่าชื่นชมเลยแม้แต่น้อย<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-61432718375468992402010-06-16T12:30:00.005+07:002010-06-16T12:46:23.775+07:00อย่าตีตนไปก่อนไข้ เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNjdUK7cTcyzm8gMzVGpw18j54JS1851WcmoVQiUE-FDlBPhQIj-a0peB14-sRP_xrd4fDwQSS37aG5rmd2ArMnMaKC58tZvL4-bclKnaK7bmxJl8b-1hSJpvHb1oZxJhPDu6reaYp1zI/s1600/001.gif"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNjdUK7cTcyzm8gMzVGpw18j54JS1851WcmoVQiUE-FDlBPhQIj-a0peB14-sRP_xrd4fDwQSS37aG5rmd2ArMnMaKC58tZvL4-bclKnaK7bmxJl8b-1hSJpvHb1oZxJhPDu6reaYp1zI/s400/001.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5483243740103437074" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;">สาเหตุหนึ่งของการเรียนที่ไม่ได้ดั่งใจนัก ส่วนใหญ่มาจากความวิตกกังวลในตัวเอง บางคนตีตนไปก่อนแล้วทั้งที่เรื่องยังไม่เกิด เช่น กลัวว่าจะทำข้อสอบไม่ได้ ข้อสอบต้องยากแน่ ๆ อ่านหนังสือไม่ทันแน่นอน หรือกลัวว่าจะทำการบ้านไม่ทัน อาการตีตนไปก่อนไข้ เช่นนี้เป็นการบั่นทอนความสามารถทางตรงของเราเลยทีเดียว<br /><br />ตกปกติแล้ว หากเราวิตกกังวลกลัวว่าจะทำอะไรไม่ได้ เราก็ต้องอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนต่าง ๆ ให้มาก เพื่อจะได้เผชิญกับโจทย์ได้ทุกรูปแบบ แต่ก็มีหลายคนที่เมื่อเกิดอาการวิตกกังวลล่วงหน้าแล้ว ทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง อ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่อง ยิ่งเร่งยิ่งช้า ซึ่งทำให้การเรียนยิ่งแย่ลงเข้าไปใหญ่<br /><br />ในทางตรงกันข้าม คนที่มีเหตุผลปล่อยตัวตามสบาย เช่น พอรู้ว่าจะมีสอบก็มีการเตรียมตัวล่วงหน้า อ่านหนังสือเก็บรายละเอียดไปอย่างช้า ๆ แต่มีความเข้าใจในบทเรียนอย่างแท้จริง การเรียนด้วยวิธีแบบนี้จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ แบบสบายตัว สบายใจ และจิต<br /><br /><span style="color: rgb(51, 255, 51);">ดังนั้นต้องฝึกสังเกตตนเองก่อนว่าเรานั้นเป็นคนตีตนไปก่อนไข้แบบไหนกันแน่ ถ้าเป็นแบบวิตกแล้วเตรียมความพร้อมก็เป็นได้ แต่ถ้าหากวิตกแบบสับสนทำอะไรไม่ถูกก็คงต้องระวังหน่อย และหาทางเลิกนิสัยแบบนี้ทันทีก่อนจะสายเกินไป</span><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-90865868250872256532010-06-16T06:27:00.006+07:002010-06-16T06:39:26.527+07:00กำจัดความเกียจคร้าน เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">ความเกียจคร้านเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำทุก ๆ อย่าง รวมทั้งเรื่องการเรียนก็เช่นเดียวกัน ความเกียจคร้านอยู่กับกิจกรรมการเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเกียจคร้ายตื่นไปเรียน ขี้เกียจเรียนวิชานี้ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ขี้เกียจทำการบ้าน ความขี้เกียจหลายรูปแบบเหล่านี้เป็นโทษต่อผลการเรียนอย่างแน่นอน<br /><br />ความเกียจคร้านทำให้เวลาในการทำกิจกรรมที่น่าจะมีมากกลับลดลงไปในพริบตา เช่น อาจารย์สั่งทำการบ้านจะต้องส่งในอาทิตย์หน้า ความเกียจคร้านจะบอกเราว่าให้ทำวันอื่นก็ได้ยังมีเวลาอีกมาก ตอนนี้ขอเล่นเกมส์ ขอนอนก่อน หรือดูโทรทัศน์ก่อนจะดีกว่า แต่ถ้าหากส่งทันงานก็ไม่มีคุณภาพเลย<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEil_ixJe0H-rsBeufrr2PQs4oNfBeCTdoExXYj2DasdTNQYDBCt00M6txrdF8L1Xb6abS6NI0eT_68RtNpgMxOnjUzvx_U-AF2RF13h4vciiInVRt1DNkLqeQ2XSHTJaZRBt0eCMD0lfK8/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 301px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEil_ixJe0H-rsBeufrr2PQs4oNfBeCTdoExXYj2DasdTNQYDBCt00M6txrdF8L1Xb6abS6NI0eT_68RtNpgMxOnjUzvx_U-AF2RF13h4vciiInVRt1DNkLqeQ2XSHTJaZRBt0eCMD0lfK8/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5483147917331480802" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />ในเรื่องของการอ่านหนังสือก็เช่นกัน คนขยันจะอ่านหนังสือทบทวนไปเรื่อยจนกระทั่งวันสอบ ก็ไม่ต้องเตรียมตัวมาก แต่คนเกียจคร้านจะผลัดวันประกันพรุ่งไปก่อนเห็นว่ามีเวลาอีกนาน และพอใกล้สอบก็อ่านหนังสือไม่ทันแน่อย่างนอน<br /><br /></span><span style="font-style: italic; color: rgb(51, 255, 51);font-size:130%;" >หากตัดนิสัยจอมเกียจคร้านนี้ออกไปได้ รับรองได้เลยว่าเรื่องที่ผลการเรียนไม่เป็นที่น่าพอใจ จะกลายเป็นแค่อดีตไปอย่างแน่นอน</span><span style="font-size:130%;"><br /></span><span style="font-size:130%;"><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-64343711361594678042010-06-11T11:32:00.006+07:002010-06-11T11:46:16.118+07:00ดนตรีช่วยเสริมความจำ เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">อารมณ์มีส่วนสำคัญต่อการเรียนอย่างมาก ความเบื่อหน่าย เซ็งกับเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ ก็มีผลต่อการเรียนไม่น้อยเลยทีเดียว การบำบัดอารมณ์ให้สดใสอยู่เสมอ จะช่วยกระตุ้นให้การพัฒนาการเรียนรู้ให้เป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น<br /><br />หลักการความจำความรู้หรือเนื้อหาต่าง ๆ ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วแต่ละความสามารถและความถนัด บางคนใช้การจด บทคนทำเป็นแผ่นภาพ บางคนเขียนแปะให้เห็นชัด หรือบางคนอัดเทปไว้ฟัง แต่มีวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้การฟังละการอ่านของเรามีประสิทธิภาพดีขึ้น นั่นคือการฟังเพลงเบา ๆ สบาย ๆ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1tF94WGL10kU2KufnRaelR2m-F2HRN3fPLvEo3cZtpT1UTMAXz6BVUsYT2gcNpqAhIt3PljWjV3dxfOqJkImGN2SKXanUxOzOWm5rRBG06rk4gasRD47U8Q6r70Ny-8_u-WdB8bTxyoo/s1600/1075267.png"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 246px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1tF94WGL10kU2KufnRaelR2m-F2HRN3fPLvEo3cZtpT1UTMAXz6BVUsYT2gcNpqAhIt3PljWjV3dxfOqJkImGN2SKXanUxOzOWm5rRBG06rk4gasRD47U8Q6r70Ny-8_u-WdB8bTxyoo/s400/1075267.png" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481371141032341202" border="0" /></a><br /><br /></span><span style="font-size:130%;">การฟังเพลงจะช่วยให้บทเรียนที่ตึงเครียดที่เรากำลังอ่านอยู่ดูไม่รุนแรงจนเกินไป ที่สำคัญไม่เงียบมาก หรือดังจนเกินไป เมื่ออารมณ์ของเราพร้อมที่จะรับข้อมูลต่าง ๆ สมองก็จะจดจำได้เองโดยอัตโนมัติ<br /><br /><span style="color: rgb(51, 255, 51);">การใช้เพลงร่วมกับการทำอารมณ์เช่นนี้ใช้ได้กับบางคนเท่านั้นเพราะสำหรับคนอื่น ๆ อาจจะต้องการความเงียบสงบเท่านั้น เสียงต่าง ๆ ที่เข้ามาเป็นการทำลายสมาธิก็มีอยู่ค่อนข้างมาก ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด เพื่อจะได้รับความรู้อย่างเต็มที่</span><br /></span><span style="font-size:130%;"><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-6976074202368036782010-06-11T11:15:00.007+07:002010-06-11T11:29:48.105+07:00แบบฝึกหัดสำคัญมาก เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXxflzW8GIcxzAPZ8WJFER4FfxPh4Ohyphenhyphen1euTRuNg-GzZQJ1VQL5GEhyEHjX3I0bBgAxUGVUUsv-S1zipuoOp7dvfJnLh-rNb1EKJfh_01YZYYwbhxi-5tj7gBsxubmPF-1SaAL_0KgpT0/s1600/001.gif"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 229px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiXxflzW8GIcxzAPZ8WJFER4FfxPh4Ohyphenhyphen1euTRuNg-GzZQJ1VQL5GEhyEHjX3I0bBgAxUGVUUsv-S1zipuoOp7dvfJnLh-rNb1EKJfh_01YZYYwbhxi-5tj7gBsxubmPF-1SaAL_0KgpT0/s400/001.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481368290607553362" border="0" /></a><br /><br /><br /><span style="font-size:130%;">แม้ว่าเราจะต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้เข้าใจบทเรียนและตำราแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การฝึกใช้สิ่งที่เรามีอยู่ในหัวสมองมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ การฝึกใช้ความรู้คือการทำแบบฝึกหัดและทดสอบความรู้ของตนเองได้ดีที่สุด<br /><br />ความรู้ในตำราเรียนนั้น เช่น เรารู้ว่าเลือดนั้นแบ่งเป็น 4 กรุปเลือด ได้แก่ A B AB และ O จากนั้นเราต้องรู้ว่าการถ่ายเลือดต้องถ่ายจากกรุปไหนไปกรุปไหนได้บ้าง ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุอาจจะเป็นเพื่อน เป็นญาติ หรือตัวเอง เราต้องรู้ว่าเขาต้องใช้เลือดชนิดใด ความรู้ที่เรามีอยู่ควรนำมาใช้ในชีวิตประจำวันบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราจำได้ดีขึ้น<br /><br />หรือเราเรียนเรื่องกฎแรงโน้มถ่วง หรือแรงดึงดูดของโลกมาจนจบบทเรียน ทฤษฎีแน่นปึก แต่เรากลับมาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมของต่าง ๆ ต้องตกลงสู่พื้นดิน อย่างนี้เป็นการเรียนที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย<br /><br />การเรียนที่ถูกต้อง และสัมฤทธิผลจะต้องสามารถนำไปใช้และอธิบายได้ การเรียนแต่แค่ในหนังสือนำมาใช้ไม่ได้ ถือว่าการเรียนนั้นไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ แก่ตัวนักเรียนเลย<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-38655381603600063222010-06-11T08:14:00.005+07:002010-06-11T08:25:30.612+07:00สมาธินั้นสำคัญมาก เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU79VlbaYrs31nTqEOYw7Y3yEbOAstT7DJ0LMvJXMeSQrE-6lyMdn0BfmS054Ka_m4JMizQPy7-rOccv-7nKDACnEZzLrwPUBhz4ODhLS4Ef8NkfjcddkoCB5YqWtNtsT506UM0TsfBJ8/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 312px; height: 334px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhU79VlbaYrs31nTqEOYw7Y3yEbOAstT7DJ0LMvJXMeSQrE-6lyMdn0BfmS054Ka_m4JMizQPy7-rOccv-7nKDACnEZzLrwPUBhz4ODhLS4Ef8NkfjcddkoCB5YqWtNtsT506UM0TsfBJ8/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481320780364154338" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;">การเรียนให้ดีนั้น เวลาเข้าเรียนต้องพร้อมทั้งตาที่จ้องไปที่อาจารย์ผู้สอน หูฟังที่อารารย์พูด หรือเพื่อนถามตอบกัน มือจดบันทึกสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน สมองต้องคิดตามสิ่งต่าง ๆ ที่ครูสอนความพร้อมในทุก ๆ เรื่องเช่นนี้ต้องอาศัยสมาธิของเราเป็นหลัก<br /><br />การเกิดสมาธิของเรานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ด้านทั้งความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว ภาวะอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง หรือเหตุการที่เกิดกับชีวิต สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาและทำลายสมาธิของเราลงได้ เมื่อใดก็ตามที่เราเข้าห้องเรียน เราต้องตัดความวุ่นวายใจอันก่อให้เกิดการทำลายสมาธิไปให้หมด เพราะไม่อย่างนั้น จะเรียนไม่รู้เรื่องแน่นอน ตาก็เหม่อลอย หูก็จะได้ยินแต่เสียงกระทบจิตใจ มือจะเขี่ยปากกา สอมงจะคิดแต่เรื่องที่เจอมา สมาธิของเราจะไม่มี แล้วเราจะไม่พร้อมสักอย่าง<br /><br />การสร้างสมาธิอาจจะไม่ต้องถึงกับการนั่งสมาธิสัก 10 นาทีก่อนเข้าเรียน แต่อาจเป็นการหลับตาลงสัก 1 นาที แล้วบอกตัวเองว่าจะเรียนแล้ว เลิืกคิดเรื่องอื่นก็น่าจะดีมากขึ้น<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-15607542014303890472010-06-11T07:53:00.005+07:002010-06-11T08:06:45.816+07:00การจำตัวอย่าง เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">เนื้อหาของบางวิชาอาจจะค่อนข้างมาก และถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักสำหรับการจำรายละเอียด หรือบทสรุปของแต่ละวิชา ดังนั้นการดึงเอาเทคนิคการเตือนความจำมาใช้ ก็จะช่วยตรงเรื่องนี้ได้มากเลยทีเดียว<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-ECsTbggPRTlO68XAK8mdVWo0pGzxPRK8nmqsNs956H7-DoPuv4HYn7J-CqSxqGNX_woz6jfQUTfQrUnKX1QCnGKHNPmwwB2jqd4RbJ7PD-WvQJ3KNJcjrAhae1N1oF56pq7UHMaKH2o/s1600/001.gif"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 373px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-ECsTbggPRTlO68XAK8mdVWo0pGzxPRK8nmqsNs956H7-DoPuv4HYn7J-CqSxqGNX_woz6jfQUTfQrUnKX1QCnGKHNPmwwB2jqd4RbJ7PD-WvQJ3KNJcjrAhae1N1oF56pq7UHMaKH2o/s400/001.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481316232995827954" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />เคล็ดลับการจำที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ การจำตัวอย่างของบทเรียน หรือเนื้อหานั้น ๆ เช่น หนังสือเล่มหนึ่งเราเรียนมาถึงบทหนึ่งที่พูดถึงแรงโน้มถ่วงของโลก ว่าวัตถุต่าง ๆ จะตกลงสู่พื้นโลก เพราะมีแรงดึงดูดแล้วครูก็ยกตัวอย่างการโยนอิฐและสำลีลงมา ของทั้งสองตกลงมาด้านล่างแต่แตกต่างกันตรงระยะเวลาที่ตกลงถึงพื้น เพราะน้ำหนักของสองอย่างมีความต่างกัน<br /><br />สิ่งที่เราจดจำคือ การโยนอิฐและสำลี เมื่อนึกและจำภาพเรื่องราวของตัวอย่างออก ความเข้าใจเรื่องนั้น ๆ ก็เกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ โดยเราไม่ต้องเครียดเลย<br /><br />การจำแบบฝึกหัดนอกจากจะช่วยให้เราจำบทเรียนง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้เราเข้าใจและอธิบายเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้นด้วย การจำเรื่องราวเช่นนี้เป็นการจำที่ไม่น่าเบื่อ และถือเป็นการเรียนที่สนุก ความอยากเรียนจะขึ้น ผลการเรียนย่อมเป็นเรื่องที่น่าพอใจอย่างแน่นอน<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-80376283622844439792010-06-10T14:39:00.007+07:002010-06-11T11:47:31.319+07:00แบ่งปันรายละเอียดกับเพื่อน ๆ เคล็ดลับการเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJvW_06WWUX45KJEMpCHL5N5xMJYf2hjWHiiHreOs4b9vNMlSQE65KbLhItNtHCerw97TabLp3Q27ghIF_1vX_X5Od4F4bbxCqnwQGLCunNogpF49p2ySliwOY1uiPLjo-6592wBn_0Hw/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 280px; height: 220px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiJvW_06WWUX45KJEMpCHL5N5xMJYf2hjWHiiHreOs4b9vNMlSQE65KbLhItNtHCerw97TabLp3Q27ghIF_1vX_X5Od4F4bbxCqnwQGLCunNogpF49p2ySliwOY1uiPLjo-6592wBn_0Hw/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481054308059182738" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">การจดบันทึกในขณะเรียนนั้น มีความสำคัญต่อการเรียนอย่างมาก เพราะช่วยในการเก็บรายละเอียดของเนื้อหาที่เราเรียนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการฝึกสมาธิของเราไปในตัว<br /><br />เมื่อถึงช่วงสอบ สมุดจดแต่ละรายวิชาเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ๆ นอกเหนือไปจากการเรียนหนังสือเรียน เกร็ดน่ารู้ หรือเคล็ดลับ นิยามต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะรวมอยู่ในนี้หมดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อการสอบมากจริง ๆ<br /><br />ขณะที่เรากำลังบันทึกความรู้ต่าง ๆ ขณะที่เขียนลงไปในสมุดเราแน่ใจหรือไม่ว่าครบถ้วน หรือมีตอนไหนที่เราไม่ได้ฟังบ้างหรือเปล่า ถ้าไม่แน่ใจเรามีวิธีและช่วยได้คือ "สมุดจดของเพื่อน ๆ " นั่นเอง<br /><br />เพื่อนร่วมชั้นแต่ละคน ส่วนใหญ่ย่ิอมมีการบันทึกข้อมูล และรายละเอียดต่าง ๆ เหมือน ๆ กับตัวเราอยู่แล้ว ดังนั้นการขอสมุดจดเพื่อนมาอ่าน และแบ่งบันของเราให้เพื่อนบ้าง ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย<br /><br />เราจะได้เก็บประเด็นส่วนใหญ่ที่เราอาจจะตกหล่นไป ส่วนเพื่อนก็จะได้ตรวจข้อมูลที่เพื่อนจดนั้นเช่นกัน<br /><br />การแลกเปลี่ยนรายละเอียดบทเรียนนี้ จะช่วยให้เราเก็บรายละเอียดได้มากกว่าปกติ แต่ต้องจำไว้เสมอว่าเราต้องจดเอง เพราะบางคนอาจเห็นว่าตัวเองจดแย่ ของเพื่อนละเอียดมาก ๆ เลย คิดจะไม่จดอีกแล้ว ต่อไปจะลอกเพื่อนเอา นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่่หากเราเห็นของเพื่อนดีกว่าก็ควรจะแก้ไขรายละเอียดของตนให้ดี ให้รายละเอียดอย่างเพื่อนให้ได้ ถือเป็นการพัฒนาตนเองไปด้วยในตัว<br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-23959889539384448992010-06-10T13:48:00.005+07:002010-06-10T14:04:10.626+07:00ต้องสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองบ้าง เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">นักเรียนส่วนใหญ่ที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่น นอกจากเขาจะต้องตั้งใจจริงแล้ว เขาต้องบอกตัวเองเสมอว่า ถ้าทำได้อย่างนี้จะมีรางวัลให้กับตัวเอง<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2wrjYUmEYPA1U83CbBb1XybAc-2H5qQ-C-5cAc0W_fgVRN3TEWsmKLvrkUj8B1Sqxlzh_aM0Jgp1LW3CeNKOYGlbxXZgd4PZhvZnWFvFYfED1buYkdgKPaEEnqBIHAu3nH6qH2wOai88/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 198px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2wrjYUmEYPA1U83CbBb1XybAc-2H5qQ-C-5cAc0W_fgVRN3TEWsmKLvrkUj8B1Sqxlzh_aM0Jgp1LW3CeNKOYGlbxXZgd4PZhvZnWFvFYfED1buYkdgKPaEEnqBIHAu3nH6qH2wOai88/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481037280537408194" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งแชมป์เคมีโอลิมปิก บอกว่านอกจากพ่อแม่จะเป็นกำลังใจและคอยยินดีกับความสำเร็จแล้ว ตัวเขาเองนี่แหละที่ยินดีและให้รางวัลแก่ตัวเองเสมอ โดยในการสอบหรือการอ่านหนังสือแต่ละวัน จะมีกฎเกณฑ์จะมีมาตราฐานว่าต้องทำให้ได้มากน้อยแค่ไหน หากทำได้ก็จะไปดูหนังกับเพื่อนหรือไปชอปปิ้ง การบอกกับตัวเองเช่นนี้นั้นช่วยให้เรามีแรงจูงใจที่จะเรียนขึ้นมาอย่างมาก แต่การทำเช่นนี้ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เช่น ถ้าทำไม่ได้ต้องงดแรงจูงใจอย่างเด็ดขาด เพราะจะได้ฝึกตัวเองมากยิ่งขึ้น<br /><br />การสร้างแรงจูงใจ ไม่ได้เป็นการหลอกตัวเอง แต่ทำด้วยความซื่อสัตย์ และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ซึ่งไม่ต้องมากเกินไป เช่น ถ้าทำได้จะไปต่างประเทศ มันก็เป็นการหลอกตัวเองมากเกินไป<br /><br />แรงจูงใจเหล่านี้จะทำให้นักเรียนอย่างเรามีความกระตือรือร้อนที่จะเรียน และตั้งใจเรียนสูงขึ้น ซึ่งก็จะทำให้การเรียนของเราเป็นเรื่องที่มีสีสันขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว<br /><br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-6322891103817360042010-06-10T12:57:00.005+07:002010-06-10T15:21:33.670+07:00ต้องรู้เป้าหมายของแต่ละวิชา เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">ปัจจุบัน ในการเรียนแต่ละวิชานั้น ครูผู้สอนจะต้องมีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเรียนไว้อย่างชัดเจน ว่าต้องการให้เด็กได้เรียนรู้อะไรและเพื่อให้เกิดประโยชน์อะไร หรือทำข้อสอบในส่วนใดได้หลังจากที่จบหลักสูตรของวิชานี้แล้ว<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRSlBznLVm9eiHZxxOKXre7ABels4eqs5T-R9WzgOaJ5XXXVj6Bjw_kN4obUL4KW38WEKS11_eOq92Q6Hm5ZNEr_tsrWe6mnmwkWyJne8vPbfvY-b9Z3dYiXTrg-jsWglMsNLKY_baVT8/s1600/001.JPG"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRSlBznLVm9eiHZxxOKXre7ABels4eqs5T-R9WzgOaJ5XXXVj6Bjw_kN4obUL4KW38WEKS11_eOq92Q6Hm5ZNEr_tsrWe6mnmwkWyJne8vPbfvY-b9Z3dYiXTrg-jsWglMsNLKY_baVT8/s400/001.JPG" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5481024738982260834" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />การสอนของครูส่วนใหญ่จะสอนวัตถุประสงค์ของวิชาเหล่านั้นนั่นเอง การเริ่มเรียนด้วยการศึกษาวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของแต่ละวิชา จะช่วยให้เรามองเห็นภาพ และความต้องการของแต่ละวิชาได้ดียิ่งขึ้น<br /><br />หลังจากทราบวัตถุประสงค์ต่าง ๆ การวางแผนอ่านหนังสือหรือทบทวนบทเรียนก็ง่ายยิ่งขึ้น เราจะอ่านและปฏิบัติเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องที่รายวิชานั้น ๆ ต้องการให้เราสัมฤทธิผลการเรียนตามวัตถุประสงค์นี้เองเราจะไม่หลงประเด็น และรุ้เป้าหมายของเราเป็นอย่างดี ซึ่งถ้ามีการวางแผนมาดีทุกวิชาก็เป็นเรื่องไม่ยาก และไม่น่าเบื่อแน่นอน<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-48193274586794198272010-06-10T09:52:00.003+07:002010-06-10T10:02:47.542+07:00บันทึกประจำวัน เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8j7UbrhFIaGgidIx-zpe4XtOMPLI5NEInXMGH-hXY7TOVqLdL6aiGLPowjInGOFLpL9hklsw14RNSo0tW4AZD0eqx-nMh0hCxPe1gU2Gq-F1jRu_nCunUf1FQS8P3X_-hjir0xkpNDtc/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 360px; height: 262px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8j7UbrhFIaGgidIx-zpe4XtOMPLI5NEInXMGH-hXY7TOVqLdL6aiGLPowjInGOFLpL9hklsw14RNSo0tW4AZD0eqx-nMh0hCxPe1gU2Gq-F1jRu_nCunUf1FQS8P3X_-hjir0xkpNDtc/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480973252141160306" border="0" /></a><br /><br /><br /><span style="font-size:130%;">หัวใจสำคัญของการอ่้านหนังสือ นั่นคือการจดบันทึกสิ่งที่อ่านสรุปใจความสำคัญออกมา และหัวใจสำคัญของการเรียนก็อยู่ที่การจดบันทึกประจำวันเช่นกัน<br /><br />ในการเรียน หรือการดำเนินชีวิตใน 1 วัน เราต้องรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ทั้งจากคำบอกเล่าของครูเกี่ยวกับการเรียนการสอน จากเพื่อน ๆ จากพ่อแม่ และสิ่งที่ตนเองได้พบเห็นมาแต่ละวัน ก็ถือเป็นเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ไม่น้อยเลยทีเดียว<br /><br />การจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะสามารถช่วยเราจำรายละเอียดคำพูด และเหตุการณ์ประจำวันได้มากขึ้น ดังนั้น การพกสมุดบันทึกเล็ก ๆ ติดตัว ก็น่าจะช่วยพัฒนาความจำของเราให้ดีขึ้น<br /><br />สมุดบันทึกที่ว่านี้เป็นการบันทึกคำสั่งต่าง ๆ จากครู พ่อแม่ เพื่อน ๆ เช่น เรื่องของการบ้าน การสอบ และรวมไปถึงการบันทึกการนัดหมายต่าง ๆ เช่น การติวข้อสอบ การอบรมต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเอื้ออำนวยต่อการเรียนมากยิ่งขึ้น<br /><br />เพราะฉนั้นการเรียนให้ดี จะจำให้ได้ การจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นวิธีที่เราควรปฏิบัติ เพราะจะส่งผลดีต่อการเรียน และการพัฒนาความรู้ของเราอย่างแน่นอนที่สุด<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-87690942204472439112010-06-10T09:38:00.003+07:002010-06-10T09:47:31.891+07:00เมื่อเกิดความผิดพลาด เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhf-0pndVvZwWZfWizrFKS6mrb2airpilNoFOHS3qT3sUSjy6AzZ6W1gEuY9z2XGaoU6yCZqIZ0-rCxanXu5_G1iiJrqIUmAA4MddikMPBs88Bsfnj0Wjg_C95sU9dJWJQNH3j1B9TnFcM/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhf-0pndVvZwWZfWizrFKS6mrb2airpilNoFOHS3qT3sUSjy6AzZ6W1gEuY9z2XGaoU6yCZqIZ0-rCxanXu5_G1iiJrqIUmAA4MddikMPBs88Bsfnj0Wjg_C95sU9dJWJQNH3j1B9TnFcM/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480971001023325842" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">ความผิดพลา่ดทางการเรียน เช่น การสอบในสถาบันการศึกษาและโรงเรียนต่าง ๆ อาจทำให้รู้สึกท้อแท้และหมดหวัง จนทำให้ไม่อยากเรียน หรือตั้งใจทำอะไรอีกต่อไป<br /><br />ในเรื่องของความพลาดหวังนี้ มันสามารถเกิดขึ้นกับเราได้ ตลอดเวลา อาจจะเป็นจังหวะที่เราไม่พร้อม เตรียมตัวไม่เต็มที่ หรือ อาจจะเกิดอุบัติเหตุพลาดจากการสอบ หรือเรื่องสุขภาพ จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม เราไม่ควรผิดหวังมากกับความผิดพลาดในครั้งนั้น ๆ<br /><br />หากเรามองความพลาดหวังให้เป็นบทเรียน และหาข้อบกพร่องของตนเองก็น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะในอนาคตเราจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดนี้อีก กำลังใจในการบอกกับตัวเองว่าจะขยันเรียน จะต่อสู้ต่อไป นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นแรงผลักดันให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-36332973055848813102010-06-10T09:24:00.004+07:002010-06-10T09:36:30.131+07:00อย่าหวังพึ่งคนอื่น เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4_dYOlwpeJGZ9uN72YeWlt0jbwGtShF3b9a6U72LfYo4AGKWsLU6Yh7s2QiBfs_j9PVJBCCrs-MQLwj8MN-4CoUAxCHcl-_hP8oSG1MTpGVABuIeFdA5gfWazUmTu3IO7WmFFLfCXZW8/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4_dYOlwpeJGZ9uN72YeWlt0jbwGtShF3b9a6U72LfYo4AGKWsLU6Yh7s2QiBfs_j9PVJBCCrs-MQLwj8MN-4CoUAxCHcl-_hP8oSG1MTpGVABuIeFdA5gfWazUmTu3IO7WmFFLfCXZW8/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480968298518387282" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">การที่ขาดเรียน โดดเรียน หรือไม่มาเรียนบ่อย ๆ นั้น ความเบื่อหน่ายการเรียนก็จะมีมากขึ้น ๆ จนเราอาจมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการเรียนไปเลยก็ได้<br /><br />นักเรียนที่โดดเรียนส่วนใหญ่มักหวังพึ่งสมุดจดของเพื่อนในชั่วโมงเรียน หรือลอกการบ้านในงานที่ครูสั่ง และลอกข้อสอบ เมื่อถึงเวลาที่ต้องวัดความรู้ การทำเช่นนี้ถือว่าไม่ทำอะไรเองเลย และแถมต้องพึ่งคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง<br /><br />ทางที่ดีที่สุดของการเรียนที่ประสบความสำเร็จ คือการพึ่งพาความสามารถอันเต็มที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียน และจดบันทึกวิชาเรียนต่าง ๆ เอง ทำการบ้านต้องพยายามด้วยตนเอง ให้เพื่อนสอนดีกว่าลอกเพื่อน เมื่อเราพร้อมแล้ว ข้อสอบไม่ว่าวิชาไหนก็ตามเราก็ไม่จำเป็นต้องลอกเพื่อนอีกต่อไป<br /><br />การเข้าเรียน หรือการจดบันทึกด้วยตัวเอง จะทำให้เราเข้าใจบทเรียนได้ง่ายขึ้น รู้ว่าข้อความที่เราจดคืออะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเรายืมของเพื่อนอันไหนเราไม่เข้าใจ เราก็จะไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น และคำตอบก็หาไม่ได้อีกด้วย<br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-16200753453292193442010-06-10T09:01:00.006+07:002010-06-10T09:50:22.734+07:00ไฮไลต์ตรงจุดสำคัญ เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjE9q6auJr9FLbfqLb-U6ADJHzOH1XOlYq7Z7_mBurURxfZWN1BpY6HxEuU9jlLoZ_EYBmCQp4pJLDV865N2vaM_H-sAnWBqa3LFxQ0clvQjCVhakGyVlcCsdGzyE76F1q2cCat-LscDps/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 267px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjE9q6auJr9FLbfqLb-U6ADJHzOH1XOlYq7Z7_mBurURxfZWN1BpY6HxEuU9jlLoZ_EYBmCQp4pJLDV865N2vaM_H-sAnWBqa3LFxQ0clvQjCVhakGyVlcCsdGzyE76F1q2cCat-LscDps/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480960003917489858" border="0" /></a><br /><br /></span><span style="font-size:130%;">ความโดดเด่นและสิ่งที่มีสีสะดุดตาจะช่วยกระตุ้นความจำและเรียกร้องความสนใจแก่สายตาเราได้มากยิ่งขึ้น ที่กล่าวมานี้หมายถึงการใช้ปากกา<span style="font-weight: bold; color: rgb(51, 255, 51);">ไฮไลต์</span>ที่ใช้แต้มหรือขีดตรงเนื้อหาสำคัญ ๆ ให้ง่ายต่อการจดจำมากยิ่งขึ้น<br /><br />แต่เดิมนั้นในเวลาที่เราอ่านหนังสือเรามักจะใช้ดินสอ หรือปากกาขีดเส้นใต้ เพื่อเน้นตรงข้อความหรือแนวคิดที่สำคัญของบทเรียนนั้น ๆ แต่การที่เราใช้ปากกาสีน้ำเงิน ดำ หรือดินสอ ซึ่งเป็นสีค่อนข้างทึบ เรียบ ไม่เด่น เราก็มักจะจำไม่ได้ หาข้อมูลอีกครั้งได้ยาก ดังนั้นเลือกชื้อ<span style="font-weight: bold; color: rgb(51, 255, 51);">ไฮไลต์</span> สีแดง สีชมพู เหลือง และเขียว สะท้อนแสงมาใช้ขีดข้อความสำคัญ ๆ จะช่วยให้สายตามองเห็นได้ง่ายยิ่งขึ้น และสีที่สะดุดตานี้เองจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจดจำต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น<br /><br />หลังจากที่เราใช้ปากกา<span style="font-weight: bold; color: rgb(51, 255, 51);">ไฮไลต์</span>จะสะดุดตานั้นจะช่วยให้เราอ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถกวาดสายตาไปอ่านตรงจุดที่เน้นเอาไว้ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ประหยัดเวลาการอ่านได้เป็นอย่างมาก<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-9220551850289250112010-06-09T16:32:00.006+07:002010-06-10T07:59:56.003+07:00ใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">ในยุคของโลกไร้พรมแดนเช่นนี้ อินเตอร์เน็ตเป็นอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย ที่เรารู้จักกันอย่างดี โดยส่วนใหญ่เรามักจะใช้อินเตอร์เน็ตในหลาย ๆ ด้าน เช่น การติดต่อพูดคุย การซื้อของ การบริการความบันเทิง และรวมทั้งการศึกษาหาความรู้<br /><br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKOk4iuWlhVy1IqtrGsbPH-AT-GTRSidPHPFqPA-ecrSgEuKAjTumY8wruxfuWPFNaNeh3mRw0XZjbZbbv2IAOLgP1n3aM0nqKM3m3yVXvN6fyjAdDtTcehUustWmD5FbEp90Kp4lxldk/s1600/001.jpeg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 321px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKOk4iuWlhVy1IqtrGsbPH-AT-GTRSidPHPFqPA-ecrSgEuKAjTumY8wruxfuWPFNaNeh3mRw0XZjbZbbv2IAOLgP1n3aM0nqKM3m3yVXvN6fyjAdDtTcehUustWmD5FbEp90Kp4lxldk/s400/001.jpeg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480705705195946978" border="0" /></a><br /><br /><br /><span style="font-size:130%;">ปัจจุบันการศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ตก้าวหน้ามาก สามารถเรียนได้ถึงระดับปริญาเอก แต่นอกจากการเรียนเช่นนี้แล้ว อินเตอร์เน็ตยังเป็นแหล่งรวมความรู้ระดับโลก นับว่าเป็นคลังความรู้ที่กว้างใหญ่มากเลยทีเดียว<br /><br />ดังนั้นในการพัฒนาความรู้ และความรอบรู้ให้ตัวเองโดยการนำเทคโนโลยีอย่างอินเตอร์เน็ตมาใช้ ก็จะช่วยสร้างพื้นฐานความรู้ของเราให้กว้างขวางมากขึ้น เพราะปัจจุบันการศึกษาเฉพาะในบทเรียนคงไม่ทันโลก ทันเหตุการณ์มากเท่าไรแล้ว<br /><br />สำหรับผู้ที่สนใจในการเรียน จะไม่ได้มองอินเตอร์เน็ตเป็นเพียงแค่แหล่ง รวมความบันเทิง การพบปะอีกต่อไป แต่ยังเป็นคลังความรู้ที่จะช่วยพัฒนาสติปัญญาให้เติบโตทันเหตุการณ์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย<br /></span><span style="font-size:130%;"><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-68234279785546555612010-06-09T16:15:00.004+07:002010-06-09T16:25:58.929+07:00อาหารเด็ดยามดึก เคล็ดลับการเรียนดี<span style="font-size:130%;">เป็นเรื่องธรรมดาที่เวลาเราอ่านหนังสือดึก ๆ ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ อากาศเย็นก็ทำให้เกิดอาการง่วงเหงา หาวนอนได้อย่างแน่นอน บางคนสัปหงกอ่านอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง ส่วนใหญ่แล้วจะดื่มกาแฟ แก้ง่วงกันทั้งสิ้น แต่การดื่มกาแฟมาก ๆ ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEja50WIEd-8zFH-5y9iN8PkEwgD52AsVzQHeF-PsVItyun9-lIdFClF5AW-KFI8KScHkgRk-JOAj_UmDhWYJgF5LuaaQBqFzAdmFcSogsHQr0o89q-Op10aahdZejZTSn4J-8DvD-s9j2s/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 301px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEja50WIEd-8zFH-5y9iN8PkEwgD52AsVzQHeF-PsVItyun9-lIdFClF5AW-KFI8KScHkgRk-JOAj_UmDhWYJgF5LuaaQBqFzAdmFcSogsHQr0o89q-Op10aahdZejZTSn4J-8DvD-s9j2s/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480702701772098770" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />ความจริงแล้วอาหารง่าย ๆ ที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่งและสามารถอ่านหนังสือต่อได้ เหมือนกับตื่นนอนใหม่ ๆ นั่นคือไข่ต้ม หากรู้สึกว่าตัวเองง่วงนอนมาก ๆ ก็ต้มไข่เป็ดหรือไข่ไก่สัก 1 ฟอง จากนั้นก็นำมากินโดยจิ้มกับเกลือ ด้วยอาหารมื้อง่าย ๆ ที่ลดอาการหิว อาการง่วงได้ สามารถทำให้การท่องหนังสือในแต่ละคืนของเราบรรลุเป้าหมาย ไม่ถูกทำลายด้วยการที่เราเผลอหลับอย่างแน่นอน<br /><br />เคล็ดลับนี้ช่วยเพิ่มเวลาในการอ่านหนังสือโดยที่ไม่ทำลายสุขภาพของคุณเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-90399356609447094332010-06-09T09:51:00.004+07:002010-06-09T10:01:35.970+07:00บันทึกเทปแล้วเปิดฟัง เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgfwQZlXZ_Y08SNeE-XJHSp5tLsbYme_TeEx_5yGdMKGh972lluyhG93EcF5Ga_gABpM0HTpI596aOzBvq_-d412uxv3A_JaUibAFmkIuz6vlCNoS381W50kIU_my1s_wreeppREunhlFk/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgfwQZlXZ_Y08SNeE-XJHSp5tLsbYme_TeEx_5yGdMKGh972lluyhG93EcF5Ga_gABpM0HTpI596aOzBvq_-d412uxv3A_JaUibAFmkIuz6vlCNoS381W50kIU_my1s_wreeppREunhlFk/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480603684358347410" border="0" /></a><br /><br /><br /><span style="font-size:130%;">สังเกตตัวเองบ้างไหมว่าเวลาที่เราฟังเพลงนั้น เพียงไม่กี่รอบนั้นก็จะติดหู และร้องตามได้แล้ว หลักการนี้ก็น่าจะนำมาใช้กับการอ่านหนังสือของเราดูบ้างคงจะได้ผลเช่นกัน<br /><br />หากเราสามารถนำสมองส่วนขวา ซึ่งเกี่ยวกับศิลปะและการจินตนาการมาใช้มากขึ้น หน่วยความจำในสมองของเราก็จะมากและพัฒนาขึ้นเช่นกัน การฟังเพลงถือว่าเป็นการใช้สมองซีกขวา เพราะเป็นเรื่องของอารมณ์สุนทรียะ<br /><br />เพราะฉนั้นการนำหลักการเรียวกับการฟังเพลงมาใช้ในการจำบทเรียนก็น่าจะใช้ได้เหมือนกัน ซึ่งการใช้วิธีนี้ก็คือหลังจากการที่เราอ่าน และบันทึกสาระสำคัญของเนื้อหาแล้ว ก็นำเนื้อหาที่ได้ทั้งหมดมาอ่านอัดใสาลงในเทปคลาสเซ็ท จากนั้นเราก็เปิดฟังแทนเพลง แม่จะไม่มีทำนองให้น่าสนใจนัก แต่การฟังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราซึมซับเข้าไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็จะจำและท่องได้ ไม่ต่างอะไรกับเนื้อหาเพลงเลยทีเดียว<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-88657316359696669352010-06-09T09:25:00.004+07:002010-06-09T09:35:39.126+07:00ผลัดกันถามและตอบ เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">การอ่านหนังสือให้ได้ผลดีนั้นอาจจะต้องอาศัยเพื่อน หนือคนใกล้ตัว ในการช่วยให้เราอ่านหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น<br /><br />เคล็ดลับนี้ก็เป็นเคล็ดลับการท่องหนังสือที่ต้องอาศัยเพื่อนช่วยในการจำบทเรียน นั่นคือผลัดกันถามตอบ จะมีการตั้งคำถามที่เกี่ยวกับเนื้อหาทั้งหมดในบทเรียนนั้น ๆ และผลัดกันถามตอบทีละข้อ การถามตอบนี้จะช่วยให้ผู้ตั้งคำถามและผู้ตอบ จดจำบทเรียนต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcHzgBnfinOFTEidJ1NPnFReRdMEOlrKgEeqOBgQaX7WyEq6ENNW4JWnhCAycdQx2rvrWLCpU3p8AajTPrgfbBLTWCb8GFXn5H_HlOZc6nHN_K_CaiNjKjMcN1MPbIO1_3bLtQ_N7FTQc/s1600/001.GIF"><img style="cursor: pointer; width: 191px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcHzgBnfinOFTEidJ1NPnFReRdMEOlrKgEeqOBgQaX7WyEq6ENNW4JWnhCAycdQx2rvrWLCpU3p8AajTPrgfbBLTWCb8GFXn5H_HlOZc6nHN_K_CaiNjKjMcN1MPbIO1_3bLtQ_N7FTQc/s400/001.GIF" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480596628567761490" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />การตั้งคำถามเช่นนี้จะเป็นการเตรียมความพร้อมในบทเรียนได้อย่างถี่ถ้วนมากขึ้น คำถามที่เราตอบได้หมายถึงบทเรียนจุดนั้นเราจำได้แล้ว แต่คำถามใหนที่เราตอบไม่ได้ นั่นบอกให้เรารู้ว่าข้อด้อยของเราอยู่ตรงไหน ก็จะได้เตรียมตัวให้มากยิ่งขึ้น<br /><br />การถามตอบ เป็นเหมือนการคาดคำตอบ คำถามของครูผู้สอนถือว่าเป็นการทำข้อสอบในชั้นหนึ่งแล้ว ดังนั้นเวลาที่เราเจอข้อสอบก็จะเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องกลัวอีกต่อไป<br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-15523681165428846082010-06-08T15:14:00.007+07:002010-06-08T15:43:00.045+07:00ช่วงใกล้สอบ เคล็ดลับเรียนดี<span style="font-size:130%;">ตามปกติแล้วหากเรามีแผนการอ่านหนังสือที่ดีแล้ว ความเครียดต่าง ๆ ในเรื่องการเรียนของเราจะไม่เกิดขึ้น เพราะเราไม่ต้องมาเร่งอ่านหนังสือในตอนใกล้สอบ<br /><br />ความเครียดส่วนใหญ่จะเกิดจากเราเองที่ขาดระเบียบวินัย และการวางแผนในการเตรียมตัวที่ดี จึงทำให้ต้องมาเร่งอ่านหนังสืออย่างหนักมากขึ้น บางคนถึงขนาดอ่านวันต่อวัน ร่างกายส่วนใหญ่ที่โหมอ่านหนังสือแบบอดหลับอดนอนนั้นก็ยิ่งอ่อนเพลีย ตาโหล หน้าซีด เพราะขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVAx4FyfYFzVizTU6yM_QOoBNJ_LKRA4j3ZRo5KJBWySR-aY_9K6BhqYK2By2P-Ft4P4MA7k56Hnkn3NBj4qchVn5y5DluZMbyBr8qJJ_djGMOBZ5hHtFkJuNMu206AVvxFYdqERP5hfw/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 315px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVAx4FyfYFzVizTU6yM_QOoBNJ_LKRA4j3ZRo5KJBWySR-aY_9K6BhqYK2By2P-Ft4P4MA7k56Hnkn3NBj4qchVn5y5DluZMbyBr8qJJ_djGMOBZ5hHtFkJuNMu206AVvxFYdqERP5hfw/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480319750702207970" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />การอ่านหนังสือที่ดีคือการทยอยอ่านสะสมไปเรื่อย ๆ ส่วนเวลาใกล้สอบเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนสมองให้มากที่สุด เพราะช่วงเวลานี้สมองเป็นการฟื้นฟูความจำ สมองจะปลอดโปร่ง เมื่อเข้าห้องสอบสมองก็จะได้สดใสคิดออก ตอบข้อสอบได้อย่างแน่นอน<br /><br />หากเมื่อใดที่อ่านหนังสือมาก ๆ แล้วเริ่มปวดหัว หรือรู้สึกเครียดมากขึ้น เราควรหากิจกรรมสบาย ๆ ผ่อนคลาด ช่วยลดอาการตึงเครียดดังกล่าว เช่นการฟังเพลง ดูโทรทัศน์ ชมภาพยนต์ ที่สำคัญร้องนอนให้มากเพราะสมองจะมีการพัก และพัฒนาความจำในช่วงนี้<br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-64343065351946675432010-06-08T14:36:00.005+07:002010-06-08T14:52:59.206+07:00หลัก W5 H1 ยังใช้ได้เสมอ เคล็ดลับเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhptzw-x-C9Bd2N5KGDLI84AtkSYSUjbJ4E6kEFkmJUr6IUPGLnSVUyOzfYk-IZTjSndfj7sFMKuNQbjo05FdDoVl-499ZiIpLtX4i3DvROCVqJoTR3FY_Flz12Uad7Lshs_8_OPUdNXzM/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 224px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhptzw-x-C9Bd2N5KGDLI84AtkSYSUjbJ4E6kEFkmJUr6IUPGLnSVUyOzfYk-IZTjSndfj7sFMKuNQbjo05FdDoVl-499ZiIpLtX4i3DvROCVqJoTR3FY_Flz12Uad7Lshs_8_OPUdNXzM/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5480307683627441314" border="0" /></a><br /><br /><br /><span style="font-size:130%;">หลัก W5 H1 เป็นหลักสากลที่เรานิยมนำมาใช้จับใจความสำคัญ หรืออธิบายบทเรียน หรือเรื่องราวต่าง ๆ หลัก W5 H1 ประกอบไปด้วย<br /><br /></span><ul><li><span style="font-size:130%;">Who ใคร</span></li><li><span style="font-size:130%;">What อะไร</span></li><li><span style="font-size:130%;">Where ที่ไหน</span></li><li><span style="font-size:130%;">When เมื่อไร</span></li><li><span style="font-size:130%;">Why ทำไม</span></li><li><span style="font-size:130%;">และ How อย่างไร</span></li></ul><span style="font-size:130%;"><br />ในการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาค่อนข้างมาก การจับใจความว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร ทำไม และอย่างไร การตอบคำถามได้ หรือสรุปได้อย่างนี้ นอกจกาจะช่วยให้เข้าใจบทเรียน เรายังสามารถจดจำและจินตนาการได้ง่ายยิ่งขึ้น<br /><br />ตัวอย่างของการจับใจความที่สำคัญโดยใช้หลัก W5 H1 นี้ เช่น การอ่านประวัติการก่อตั้งสหกรณ์ผู้ผลิตเกลือจังหวัดสมุทรสาคร และจากการอ่านสรุปออกมาโดยใช้หลัก W5 H1 คือ เกษตรผู้ผลิตเกลือ จังหวัดสมุทรสาคร มีการร่วมจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2542 เพื่อจัดตั้งสหกรณ์ชาวนาเกลือ ในการช่วยสร้างอำนาจการต่อรองให้สูงขึ้น จากการสรุปข้างต้น ก็ทำให้เราเข้าใจและรับรู้ประวัติการก่อตั้งสหกรณ์ชาวนาเกลือ จังหวัดสมุทรสาครได้แล้ว<br /><br />การอ่านหนังสือเรียน หรืออ่านหนังสือเตรียมสอบ ก็ตาม โดนเฉพาะวิชาที่มีการอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น ภาษาไทน สังคม หรือการอ่านวิชาภาษาอังกฤษ การใช้หลัก W5 H1 เข้ามาช่วยในการสรุปใจความสำคัญจะทำให้การอ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น<br /><br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-18615518526343491272010-06-07T14:13:00.002+07:002010-06-07T14:23:47.499+07:00ข้อสอบเก่ามีคุณค่า เคล็ดลับการเรียนดี<span style="font-size:130%;">เทคนิคการอ่านหนังสือสอบที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ การฝึกทำข้อสอบเก่า ๆ ให้มากที่สุด<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjWMZ5bmoFTd_oP-36c_hhfIyyracVdrTVZKYj8oo9px_-34XPT3vNbY_Usfv5AKBtjEYiCVHGnu33OludC78mteXyZgSkHgr8TrHMYQj0whoyxy-Su4KlBZAj-XVgXEzTKJD0WjSguww/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 373px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgjWMZ5bmoFTd_oP-36c_hhfIyyracVdrTVZKYj8oo9px_-34XPT3vNbY_Usfv5AKBtjEYiCVHGnu33OludC78mteXyZgSkHgr8TrHMYQj0whoyxy-Su4KlBZAj-XVgXEzTKJD0WjSguww/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5479928802227448658" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />การทำข้อสอบเก่า ๆ เรามักจะอ่านกันในช่วงการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ข้อสอบเก่า ๆ ที่ว่านี้เราอาจจะทำย้อนหลังสัก 5-10 ปี ซึ่งก็จะมีการรวมเล่มทุกวิชาอยู่แล้ว<br /><br />การฝึกทำข้อสอบจะช่วยให้รู้แนวข้อสอบ หรือเนื้อหาที่ครอบคลุมข้อสอบนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยให้เรานำมาเป็นแนวทางในการอ่านหนังสือได้มากทีเดียว การฝึกทำข้อสอบนี้จะทำให้เรารุ้ข้อบกพร่อง หรือจุดอ่อนของตนเองว่าไม่เข้าใจเรื่องไหน จุดไหนบ้างเราจะได้ทบทวน และฝึกหรืออ่านเรื่องนั้น ๆ ให้มากขึ้น และเมื่อถึงเวลาการทำข้อสอบจริง ๆ แล้วจะได้ไม่เกิดความผิดพลาดอีก<br /><br />เนื่องจากข้อสอบเก่า ๆจะมีการเฉลยคำตอบไว้ในตอนท้ายดังนั้นการทำข้อสอบยังเป็นการประเมินความรุ้ของเราได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเรามากขึ้นอีกด้วย<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-44170070243444703872010-06-07T13:53:00.003+07:002010-06-07T14:02:46.941+07:00ใช้ศิลปะพัฒนาความจำ เคล็ดลับการเรียนดี<span style="font-size:130%;">สมองของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 2 ซีก คือซีกขวาและซีกซ้สย สมองทั้งสองนั้นมีการใช้หรือหน้าที่แตกต่างกัน โดยสมองซีกขวาเราจะใช้ในการสร้างจินตนาการ ศิลปะ และอารมณ์สุนทรีย์ต่าง ๆ ส่วนสมองซีกซ้ายก็ใช้ในส่วนของตรรกะ เหตุผล ภาษา ทฤษีต่าง ๆ<br /><br /></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEirCWKBySmxnz9CcKeev9RTLautbTLcCe76mQGhXW_8S4TfQasTVWl3GQbuvyuskHSYcZQsCd3BRumpQrzJEw9Pp6OVkbD2Tw6hW_T13l9kaVrBXulOCk6ZY2cYWyaM-AR6oO5LpkUXVqY/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 274px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEirCWKBySmxnz9CcKeev9RTLautbTLcCe76mQGhXW_8S4TfQasTVWl3GQbuvyuskHSYcZQsCd3BRumpQrzJEw9Pp6OVkbD2Tw6hW_T13l9kaVrBXulOCk6ZY2cYWyaM-AR6oO5LpkUXVqY/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5479922671073464834" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><br />ดังนั้นการใช้ความคิดของคนเรานั้นก็เกี่ยวข้องกับสมองซีกซ้ายมากกว่าซีกขวา สมองซีกขวาจึงใช้น้อย และสมองก็เกิดความไม่สมดุลตามมา<br /><br />นอกจากนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความสามารถในเรื่องการจำรูปภาพในทางศิลปะ มากกว่าการจำเนื้อหาหรือเหตุผลในเรื่องวิชาการต่าง ๆ<br /><br />ด้วยเหตุผลของความจริงทั้งสองประการนี้ ทำให้แนวทางการพํฒนาความจำมีมากขึ้น ซึ่งเป็นการนำรูปภาพมาอธิบายเหตุผลหรือบทเรียนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เราจำได้ง่ายขึ้น และอีกทางหนึ่งก็เป็นการพัฒนาสมองให้มีความสมดุลกันทั้งสองซีก<br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-55672146950942195752010-06-06T21:03:00.003+07:002010-06-06T21:17:24.866+07:00เทคนิคการอ่าน เคล็ดลับการเรียน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidH2iT0szVKj9NvbmuWGxF9yNHMEtg3GpGnJJCC2Uj9eiD0qayXTOZMAJaUPNhoYPCNifLV5Ff_WFeqo3A3lwqlvSikyOcU4vUJZQU4_2PODygjRKp1BdT2CNjmqD84Cy8NPGgVCkL7uM/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 297px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEidH2iT0szVKj9NvbmuWGxF9yNHMEtg3GpGnJJCC2Uj9eiD0qayXTOZMAJaUPNhoYPCNifLV5Ff_WFeqo3A3lwqlvSikyOcU4vUJZQU4_2PODygjRKp1BdT2CNjmqD84Cy8NPGgVCkL7uM/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5479663792199091954" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">อาการเบื่อหนังสือเกิดจากการไม่ว่าเราจะอ่านมากแคไหนก็ตาม ก็ไม่มีวันเข้าใจสักที บางทีเรายังมีวิธีการอ่านที่ไม่ถูกต้องก็เป็นไปได้<br /><br />การอ่านที่ถูกต้องและได้ผลมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ซึ่งเริ่มจากการกวาดสายตา การอ่านในชั้นแรกนี้เป็นการอ่านกวาดสายตาตามตัวอักษรไปอย่างรวดเร็วจนจบบทนั้น ๆ การอ่านตอนนี้เราจะได้สัมผัสกับคำต่าง ๆ ในบทเรียน แต่ยังไม่ได้คิดตาม และทำความเข้าใจ ในขั้นแรกนี้ก็เหมือนกับขั้นทำความรู้จักตัวหนังสืออย่างผิวเผิน ไม่มีความเฉพาะเจาะจงอะไรมากนัก<br /><br />ขั้นตอนต่อไปเป็นการอ่านรอบที่สอง การอ่านรอบนี้ต้องอ่านให้ช้าลงกว่ารอบแรก และขณะอ่านต้องคิดตามและจินตนาการทำความเข้าใจไปด้วย ซึ่งจากการทำความรู้จักในขั้นแรกก็เป็นการทำความเข้าใจกับบทเรียน ดังนั้นการอ่านในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยสมาธิค่อนข้างมาก<br /><br />ขั้นตอนสุดท้ายเกิดพร้อม ๆ กับขั้นตอนที่สอง เพราะเป็นขั้นตอนการจดบันทึกประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่เราจับใจความได้ในตอนที่สอง การบันทึกนั้นจะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลามาอ่านเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้ง แค่เพียงอ่านประเด็นสำคัญที่บันทึกเอาไว้ ก็เพียงพอแล้ว<br /><br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-5138820886151759358.post-62392263232906410552010-06-06T19:22:00.004+07:002010-06-06T20:59:36.464+07:00การกำหนดเวลา เคล็ดลับการเรียนดี<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-GZXILSMYRBKvBPNvLaFZZNoTEnNBZtyiA_DF52Rj7YDQ3rBoJN2tIi6kJDROIT-UF8g6SBJ4X2xxoWn7zzh9fJB7gsH0zOYy_ZhiMHVjskWbDM80WOPX2jkcG6s0Pb-jclr47BC7sNM/s1600/001.jpg"><img style="cursor: pointer; width: 400px; height: 282px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-GZXILSMYRBKvBPNvLaFZZNoTEnNBZtyiA_DF52Rj7YDQ3rBoJN2tIi6kJDROIT-UF8g6SBJ4X2xxoWn7zzh9fJB7gsH0zOYy_ZhiMHVjskWbDM80WOPX2jkcG6s0Pb-jclr47BC7sNM/s400/001.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5479659940982362258" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:130%;">เวลาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่การรู้จักบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด ชีวิตที่มีการบริหารเวลาที่พอเหมาะไม่ตึงเกิน หรือหย่อนเกินไป ทางที่จะประสบความสำเร็จก็มีมากเช่นกัน<br /><br />การจัดสรรเวลาในแต่ละวันนั้นเริ่มจาก การตื่นนอน กินข้าว จากนั้นก็ไปโรงเรียน ช่วงเวลาข้างต้นนี้ เราอาจไม่ต้องบริหารมาก เพราะต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว แต่หลังจากเลิกเรียนนี่เหลาะเป็นเวลาที่เราควรบริหารให้ถูกต้องและเหมาะสมโดยแบ่งเป็น<br /><br />เวลาปฏิบัติกิจส่วนตัว ช่วงเวลานี้เป็นการกลับมาถึงบ้าน หลายคนก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูโทรทัศน์ หรืออาจจะออกกำลังกาย นี่ก็แล้วแต่กิจกรรมของแต่ละคน ช่วงเวลานี้อาจจะมากหน่อย ซึ่งประมาณ 1-2 ชั่วโมง<br /><br />ส่วนเวลาต่อไป เป็นการแบ่งใช้ส่วนเวลาของการทำการบ้าน ช่วงเวลานี้อาจทำในตอนกลับมาเลยก็ได้ ทำการบ้านถือเป็นการทบทวน บทเรียนในแต่ละวัน ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการบ้านจะได้ไม่สะสม ไม่ต้องเร่งทำในเวลาใกล้ส่งอีกด้วย<br /><br />จากนั้นเป็นการแบ่งช่วงเวลาของการอ่านหนังสือ เราก็มักจะจัดโปรแกรมการอ่านหนังสือในแต่ละวันอยู่แล้ว การอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ เป็นการสะสมความรุ้ให้เพิ่มพูนไปจนสอบนั่นเอง เวลาที่เหลือก็คือการพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวเรียนในวันต่อไป<br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.com