การเรียนหนังสือให้ดีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องใช้ความสามารถที่พิเศษเหนือใคร ๆ เลย
คุณคงเคยเห็นเสมอว่าเพื่อนบางคนที่เรียนเก่ง เรียนดี นั้นไม่ใช่คนที่เรียนหนักเสมอไป เขาใช้เวลาว่างในตอนพักกลางวันมาเล่นกับคุณ เสาร์ - อาทิตย์เขาก็ไปดูหนัง ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ต่างจากที่คุณทำหรอก
คนเรียนเก่งไม่ใช่คนที่ต้องใช้เวลาทุกเย็นหลังเลิกเรียน และวันหยุดหมดไปกับการขลุกอยู่ในโรงเรียนสอนพิเศษ คนที่อุทิศชีวิตให้กับการเรียนพิเศษอาจจะเรียนดีขึ้นได้ แต่นั่นไม่ได้เรียกว่า "ใช้เทคนิค" ในการเรียนให้ดีขึ้น
การมีเทคนิคในการเรียนคือ รู้เทคนิควิธีที่จะเรียนให้ดีขึ้นได้อย่างง่าย ๆ และได้ผลดีจริง คนเราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายขนาดนั้นให้ตัวเองเรียนดีขึ้น
คนที่ปรุงอาหารได้เอร็ดอร่อยไม่ใช่คนที่ผ่านการเรียนในโรงเรียนที่สอนทำอาหาร เขาเป็นแค่คนที่รู้จักเคล็ดลับในการทำอาหารและมีสูตรลับในการปรุงเท่านั้นเอง คนที่จบจากโรงเรียนสอนทำอาหาร มิใช่คนที่จะทำอาหารได้อร่อยเสมอไป
การใส่ใจในเรื่องเรียนพิเศษนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนการเรียนพิเศษจะกลายเป็นการเรียนที่ไม่พิเศษไปแล้ว เพราะนักเรียนนักศึกษาต่างใช้เวลามากมายเหลือเกินกับการไปเรียนพิเศษ จนเหมือนเป็นการไปเรียนอย่างปกติกับโรงเรียนแห่งที่สอง
ถ้าเราจัดกระบวนการเรียนรู้ของเราได้อย่างชาญฉลาด การเรียนในห้องนั้นก็เพียงพอแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ พ.ศ. นี้อ้างว่า คุณครู่ที่สอนในห้องเรียนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ จึงต้องไปเรียนพิเศษ แต่ที่จริงแล้วน่าจะอยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า
ถ้าตัวเรามีทักษะในการเรียนที่ดี เราก็สามารถเรียนได้ดีโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ เลย เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติใหม่ สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง มองการเรียนว่าเป็นเรื่องไม่ยากเย็นอะไรสักนิด ตั้งใจอย่างมุ่งมั่นในความพยายามที่จะเพิ่มทักษะในการเรียนรุ้ของตนเอง แล้วสนุกกับการเรียนรู้ในแต่ละวิชา อย่าเรียนเพียงเพราะว่าต้องเรียนวิชานั้นวิชานี้ แต่ควรเรียนด้วยความต้องการอยากรุ้ว่าวิชานั้นวิชานี้ได้เนื้อหาข้อมูลอะไรแก่เราบ้าง